วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 16

วันพฤหัส ที่ 7 ตุลาคม 2553

วันนี้เป็นวันสอบ เป็นวันที่ลุ้นมากว่า อาจารย์จะออกข้อสอบแนวไหน พอมาถึงเปิดประตูเข้าไปในห้องสอบ เพื่อนๆ ก็มากันหลายคนแล้ว ในห้องเงียบมาก มีแต่เสียงอาจารย์พูด ก็ได้พูดเกี่ยวกับใบประเมินเห็นอาจารย์ว่าใบประเมินที่แล้วมันยังไม่เด่นชัดเท่าไหร่ จึงได้ให้ไปทำมา แต่ในห้องนั้นไม่มีใครทำกันมา มีเพียงไม่กี่คนที่ทำมาให้ อาจารย์ก็ได้ตักเตือนพวกเราทุกคนว่า ถึงมันจะเป็นงานที่ไม่ได้คะแนน แต่เราก็ต้องทำมา เพื่อไม่ให้มันน่าเกียด ยังไงเราต้องมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับไป และถามว่าจะให้อาจารย์ทำยังไง คำถามนี้ทำให้บรรยากาศในห้องเรียนเงียบไปทันที แค่พวกเธอเขียนแสดงความคิดเห็นออกมา เท่านั้นเอง มันไม่ยากอะไรเลย แต่ในขณะที่อาจารย์ได้พูดอยู่ ก็ได้มีเพื่อนอีกหลายคนได้ทยอยเข้ามาในห้องสอบ แย่เลยเพื่อนที่มาทีหลังไม่มีโต๊ะที่จะนั่งสอบ อาจารย์ก็เลยให้ไปเอาโต๊ะห้องข้างๆมา หรือว่ายืมมาก่อนประมาณนั้น และอาจารย์ก็ได้ถามว่าจะให้ครูทำยังไง เอาอย่างนี้ไหม ถ้าคนไหนที่ไม่มาเข้าเรียน อาจารย์จะไม่ให้ส่งงานย้อนหลัง เพื่อนๆ ในห้องรวมทั้งดิฉันด้วย ต่างไม่เห็นด้วย อาจารย์บอกว่าอาจารย์ไม่อยากจะทำอย่างนี้ อยากจะฝึกให้เราเรียนรู้ด้วยตนเอง เราจะต้องรับผิดชอบในงานที่ได้รับ แล้วอาจารย์บอกว่าให้เขียนรายชื่อคนที่ไม่ได้ทำใบประเมินมา และอาจารย์ได้บอกว่าอาจารย์จะตรวจ Blogger พวกเธอจะสะดวกให้ครูตรวจได้วันไหน ทุกคนก็ปรึกษากันว่าจะให้อาจารย์ตรวจได้เมื่อไหร่ ผลสรุปก็ออกมาว่า ได้วันที่ 15 ตุลาคม 2553 เป็นวันกำหนดส่ง อาจารย์จะตรวจในเวลาตอน 6 โมงเย็น หลังจากที่พูดเสร็จอาจารย์ก็ได้แจกข้อสอบข้อเขียน มีทั้งหมด 7 ข้อ ให้เวลาในการทำข้อสอบ 1 ชั่วโมง มันไม่ยากเท่าไหร่ อยู่ที่ว่าทำได้มากเท่าไหร่ แล้วทุกคนก็สอบ เวลาผ่านไป เพื่อนๆในห้องก็เริ่มทยอยออกกัน แย่แล้วทำไงดี เหลืออีกข้อเรานะเราดันจำชื่อเกมไม่ได้ ข้อ 6 และในที่สุดเราก็จำได้ สองแกนนี่เอง โอ้โห ในที่สุดเราก็ทำเสร็จจนได้ โล่งอกไปที

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 15



23 กันยายน 2553

วันนี้อาจารย์นัดให้มานำเสนอแป้งโด โดยให้เตรียมอุปกรณ์ที่จะสามาถเล่นกับแป้งโด ซึ่งแป้งโดก็เหมือนกับดินน้ำมันนั่นเอง เพียงแต่ว่ามันไม่มีสารอันตราย ที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับเด็ก อาจารย์ให้แต่ล่ะกลุ่มออกมานำเสนอ อุปกรณ์ที่จะนำมาเล่นกับแป้งโด ซึ่งกลุ่มดิฉันเป็นกลุ่มแรกที่จะออกไปนำเสนอ เริ่มแรกก็ได้เริ่มอธิบายว่าอุปกรณ์มีอะไรบ้าง ก็จะมี

- ขวดนม เราสามารถนำมานวด ทุบ -

- ฝาขวด เราสามาถนำมาปั้มให้เป็นรูปร่าง หรือทำลวดลาย หรือเป็นส่วนประกอบในการปั้น

- ไม้ เราสามารถนำมาเจาะให้เป็นรู เอามาปั้มเป็นลวดลาย

- ซ่อมพลาสติก เราสามารถนำมาทำลวดลายได้

เมื่อเราพรีเซนต์งานเสร็จ อาจารย์ก็ได้อธิบายว่า เราขวดสามารถทำให้มันสวยงามได้กว่านี้ เพื่อปิดยี่ห้อของสินค้าได้ เช่นเอากระดาษมาติดเป็นลาย หรือเจาะรู เอาไม้สอดเข้าไปแล้วเราจะได้ที่ปั่นหมุนไปมาได้ ส่วนฝาขวด เราหากระดาษมันๆมาติดให้มีสีสัน หาอุปกรณ์มันๆได้รอบๆตัวเรา เราอาจจะนำกระดาษฟอยร์ที่เราไม่ใช้แล้วมาขยำ แล้วเอาไปห่อหุ้มแป้งโด แล้วคลายออกเราจะได้ลวดลาย อาจารย์ได้พูดเสริม อาจารย์ว่ากลุ่มของดิฉันยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไรคาวหน้าให้เรากลับไปทำมาให้ดีกว่านี้แล้วให้ไปหาอุปกรณ์ที่จะเอามาเล่นกับแป้งโดเพิ่มจากเดิม และยังได้ฟังเพื่อนๆ ออกมาพรีเซนต์งาน ดิฉันนั่งฟังแล้วมันก็คล้ายๆกับกลุ่มดิฉัน แต่เราก็ยังได้สาระเพิ่มเติม บางกลุ่มมีอุปกรณ์ที่แตกต่างกันไป บรรยากาศในห้องนั้นครึกคลื้นมากต่างจากอากาศนอกห้องที่ดูเหมือนว่าฝนจะตก และแล้วฝนก็ตกหนักมาก พอจบการพรีเซนต์งานอาจารย์ก็ให้เรากลับไปทำมาเพิ่ม

วันนี้ทำให้รู้ว่า สิ่งที่เราคิดว่าเราเตรียมพร้อมมาดีแล้ว แต่มันอาจจะยังไม่ดีพอ ประสบการณ์เป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ก็ยังมีข้อเสียดาย เราดันไปเป็นตากล้อง เลยไม่มีรูปเราเลย เซงเล้ย

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 14


วันพฤหัส ที่ 16 กันยายน 2553


วันนี้อาจารย์ได้นำเอาอุปกรณ์มาทำแป้งโด ซึ่งอุปกรณ์มีดังนี้

- เกลือ ครึ่งถ้วย

- แป้งสาลี 1 ถ้วย

- สารส้มป่น 2 ช้อนโต๊ะ

- น้ำ 1 ถ้วย

- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

- สีผสมอาหาร

- ครีมทาผิว 1 ช้อนโต๊ะ

มีวิธีทำดังนี้

นำเกลือ แป้งสาลี สารส้มป่น ผสมให้เข้ากัน จากนั้นค่อยเติมน้ำและน้ำมันทีละน้อย ให้เข้ากันดี ใส่สีผสมอาหาร นำขึ้นตั้งไฟ กวนจนแป้งไม่ติดภาชนะ แล้วยกลงนำมานวดแล้วเก็บในภาชนะให้มิดชิด (ไม่ต้องแช่เย็น)

การได้ทำแป้งโดครั้งนี้ อาจารย์ได้ให้เราได้จับกลุ่มกัน แล้วให้ไปลองทำในที่อาจารย์จัดหาให้ แล้วให้ลองทำกันเอง เพื่อฝึกให้เราได้ลองทำอะไรด้วยตนเองก่อน จะได้รู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เราจะได้กะคะเนดูเอาเอง แล้ววันนี้เรายังได้รับความสนุกสนาน การทำงานร่วมกันกับผู้อื่น การเชื่อมั่นในตัวเอง

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 13



วันนี้อาจารย์นัดเรียนตอนเช้าพร้อมเพื่อนกลุ่ม 1 ใต้ตึกคณะ อาจารย์ได้อธิบายการทำสื่อออกมา ต้องคำนึงถึงว่าเด็กจะเล่นได้ไหม โดยยกตัวอย่างของเพื่อน เพราะเพื่อนทำแบบไม่สามารถจะนำไปเล่นไม่ได้ ติดไปกับฐาน อาจารย์ได้บอกถึงเหตุและผลแถมรวมทั้งงานชิ้นอื่นด้วย แต่ไม่ได้ตำหนิแต่อย่างใด แต่ให้คนที่ทำมาทีหลังดูไว้เป็นตัวอย่าง แล้วอย่าให้ผิดพลาด และให้เอางานของตัวเองที่ทำเสร็จมาส่ง โดยที่อาจาพื้นที่ให้ส่งงาน เป็นสัดส่วน แล้วงานที่ยังทำไม่เสร็จอาจารย์ให้โอกาศส่งได้ในคาบถัดไป

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 12

วันพฤหัสบดี ที่ 9 กันยายน 2553

วันนี้ เป็นวันสอบกลางภาค อาจารย์ได้นัดให้มาสอบกัน เป็นข้อสอบข้อเขียน 3 ข้อ ก่อนที่จะสอบก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้สอบช้า ทำให้บรรยากาศในห้องเสียไปนิดหน่อย แต่ขอไม่กล่าวดีกว่า และในที่สุดก็ถึงเวลาสอบแล้ว โหตื่นเต้น อาจารย์ได้บอกข้อสอบ 3 ข้อ และในที่สุดก็สอบเสร็จ โล่งขึ้นเยอะมาก วันนี้ทำข้อสอบทำให้เราได้คิดมากมาย จากหลักสูตรที่อาจารย์ได้สอนมานั้นเอง



บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 11

วันพฤหัสบดี ที่ 2 กันยายน 2553


วันนี้เข้ามาเรียน ก็แปลกใจที่อาจารย์จะให้เราได้ลองเล่นเกม เหมือนเรากลับไปเป็นเด็กเมื่อวันวาน อาจารย์ได้แบ่งกลุ่ม แล้วให้เล่นเกมตามจุดที่อาจารย์ได้จัดไว้ให้ วันนี้สนุกมากเลยคะ ได้เล่นเกมหลายอย่าง ฝึกให้เราได้รู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บรรยากาศวันนี้อบอวนไปด้วยความสนุกสนาน แต่ก็มีเพื่อนบางกลุ่มเสียงดังมาก ทำให้เสียบรรยากาศ อาจารย์บอกว่าการที่เราได้เล่นเกมนี้ ก็เหมือนว่าเรานั้นเป็นเด็ก ในเวลาที่เด็กเล่นเด็กก็จะรู้สึกเหมือนกับเรา สังเกตในเวลาเล่น เด็กจะได้รับประสบการณ์ และของเล่นแต่ล่ะชิ้นนั้นต้องมีความปลอดภัยในการเล่น









บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 10

วันพฤหัสบดี ที่ 26 สิงหาคม 2553

อาจารย์ไม่เข้าสอนเพราะไปรับเสด็จพร้อมกับตัวแทนนักศึกษา แต่ถึงยังไงอาจารย์ก็ยังไม่ลืมที่จะสั่งให้ทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ
แล้วให้นำมาส่งในอาทิตย์ืหน้า

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 9

วันพฤหัสบดี ที่ 22สิงหาคม 2553


วันนี้อาจารย์เปลี่ยนบรรยากาศ ไปสอนในห้องพักครู ห้องมันเล็ก แต่ยังดีที่มีแอร์ อาจารย์สอนทำป๊อบอัพ
อาจารย์แจกกระดาษ A4 ทั้งหมด คนล่ะ 3 แผ่น
แผ่นแรก ให้พับครึ่ง แล้วตัดกระดาษให้อยู่ในลักษณะตั้งได้ แล้วจะได้เป็นฐานตั้ง ขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก เราสามารจะทำฐานลอยส่วนไหนก็ได้ สามารถไว้ตั้งสัตว์ ต้นไม้
เราสามารถเอาไปทำฉากได้
แผ่นที่ 2 ให้พับครึ่ง แล้วตัดกลางกระดาษ แล้วพับเป็นปาก สามารถนำไปใช้เป็นปากเป็ด เพื่อทำป๊อปอัพได้
แผ่นที่ 3 .ให้พับครึ่งกระดาษ แล้วจับปลายมุมที่เราพับงอลงมาสามารถนำไปทำเป็นคอสัตว์ได้
การได้ทำป๊อปอัพแล้วทำให้นึกขึ้นได้
การนำเอาสิ่งของเหลือใช้มาใช้ประโยชน์นี้ช่วยในการประหยัด และไม่สิ้นเปลือง และยังสามารถทำได้ง่ายๆ แค่เพียงแค่เราปิ้งไอเดียขึ้นมาก็พอ เราก็จะสามารถประดิษฐ์สื่อการศึกษาที่ดีได้แล้ว

วันนี้เราได้ไอเดียดีๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ได้เป็นการประหยัด ทั้งยังนำเอาความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ให้คนอื่น เพราะใครๆก็ทำได้








บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 8


href=
วันพฤหัสบดี ที่ 5 สิงหาคม 2553

วันนี้อาจารย์เข้ามาเพื่อนัดให้นักศึกษามาอบรม ในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2553

วันที่ 7 สิงหาคม
วันนี้อาจารย์ได้จัดอบรมและอธิบายเกี่ยวกับสื่อ วิธีการทำสื่อและเลือกสื่อให้น่าสนใจเหมาะกับเด็กทุกวัย และต้องมีความทนทาน ปลอดภัยไม่อันตรายกับเด็ก การเลือกต้องคำนึงถึงเด็กว่าเด็กจะได้อะไร และไม่เป็นอันตรายทั้งทางตรงและทางอ้อม อาจารย์ทั้งสองท่านได้ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำสื่อต่าง ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 7

วันพฤหัส ที่ 29 กรกฎาคม 2553


วันนี้อาจารย์เข้ามาได้พูดถึงสื่อ ว่าสื่อมีหลากหลายรูปแบบเราอาจจะ แล้วเคยเห็นตาม สื่อต่างๆ อยู่ที่ว่าเราจะนำเสนออะไรขึ้นมา และยังเป็นการเรียนรู้พื้นฐานเพื่อให้เกิดความพร้อมในการศึกษา มีทักษะประสบการณ์ ได้ลงมือปฏิบัติจริง อาจารย์ยังได้บอกถึงเกมส์การศึกษามุ่งให้เด็กได้ฝึกให้เด็กมีไหวพริบ เกิดจินตนาการณ์ สร้างความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และสอนคุณธรรม จริยธรรมแก่เด็ก อาจารย์ได้บอกจุดมุ่งหมายว่ามีดังนี้
1. การจำแนกด้วยสายตา
2. ฝึกให้ใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล
3. ฝึกแยกประเภทหรือจัดหมวดหมู่
4. ฝึกให้รู้คุณค่าของตัวเอง
5. ฝึกการรับผิดชอบ
6. สอนคุณธรรมๆ
7. ทบทวนเนื้อหาที่ได้เรียน จำพวกความรู้ต่างๆ

อาจารย์ยังได้บอกเชื่อเกม มีดังนี้
เกมจับคู่
- สิ่งที่เหมือนกัน
- ภาพกับเงา
- จับภาพกับโครงร่าง
- จับคู่ภาพที่ซ่อนอยู่ในภาพหลัง
- จับสิ่งที่เป็นประเภทเดียวกัน
เช่น ไม้ขีด - ไฟแช็ค
- จับสิ่งที่มีความสัมพันธ์กัน
เช่น แม่ - ลูก
- จับคู่ความสัมพันธ์ตรงข้าม
เช่น อ้วน - ผอม
- จับคู่ส่วนเต็มกับส่วนย่อย
- จับคู่ภาพเต็มกับภาพส่วนที่หาย
- จับคู่ภาพซ้อน
- จับคู่ภาพที่เป็นส่วนตัดกับภาพ
- จับคู่สีเหมือนกันรูปต่างกัน
- จับคู่สิ่งเหมือนกันแต่ขนาดต่างกัน
- ภาพที่มีเสียงสระเหมือนกัน
- จับภาพที่มีเสียงพยัญชนะต้น
เช่น นก - หนู
- จับคู่อุปมา อุปมัย
- จับคู่แบบอนุกรม
ภาพตัดต่อ
- ภาพตัดต่อเกี่ยวกับคน พืช สัตว์ สิ่งของ
- ภาพตัดต่อสัมพันธ์กับหน่วย
- เกมภาพเหมือน
- เกมเรียงลำดับ
เช่น วงจรชีวิตกบ - วงจรอาหาร
- เกมหมวดหมู่

และสุดท้ายอาจารย์มีคำถามเกี่ยวกับภาพตัดต่อ
เด็กในช่วงอายุเท่าไหร่ ควรจะใช้กี่ชิ้นในการเล่น ( ไปหามาส่งคาบหน้า )




วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 6

วันพฤหัส ที่ 22 กรกฎาคม 2553


ไม่ได้มาเรียนคะเนื่องจากไม่สบาย แต่ได้ตามงานจากเพื่อน ได้ความว่าวันนี้อาจารย์ได้พูดสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย ผู้คิดสื่อจะต้องใช้จินตนาการเข้าช่วยจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจ หรือเรียกได้ว่าสร้างความเร้าใจ ให้ผู้เรียนสนใจ ผู้เรียนจะรับรู้ได้จากการสัมผัส จากการเคลื่อนไหว จากการฟัง เป็นการพัฒนาการเรียนรู้เพื่อที่ผู้เรียนจะได้นำเอารากฐานเก่าๆ ที่ได้เรียนรู้มาบวกกับเสริมสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้มีประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น และน่าเสียดายอย่างยิ่ง วันนี้ที่ดิฉันไม่ได้มา ทำให้ดิฉันไม่ได้เห็นหุ่นนิ้วมือ ตุ๊กตาสปิง ฉันทั้งอิจฉาเพื่อนๆ แต่ทำไงได้

ทำให้ได้แง่คิดว่า ถ้าไม่จำเป็นที่จะต้องขาดเรียน เราก็จะได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกับผู้อื่น



วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 5

วันพฤหัส ที่ 15 กรกฎาคม 2553

วันนี้อาจารย์ได้เข้ามาแล้วให้แต่ละคนได้ออกมานำเสนอสื่อที่ได้เตรียมมาสำหรับเรียนวันนี้เพื่อนๆแต่ละคนได้ออกมานำเสนอ ซึ่งดิฉันได้ออกไปนำเสนอโดยมีใบไม้มาเป็นสื่อ โดยมีวิธีเล่นดังนี้
วิธีเล่น

วันนี้เรามีใบไม้อยู่หลายใบ อยากให้เพื่อนมาคิดว่าใบไม้ที่เรารู้จักมีอะไรบ้าง และให้เพื่อนมาหยิบใบไม้คนละ 3 ใบ และให้ออกมาทีละคน ในแต่ละคนนำใบไม้ืั้ที่ได้ออกมาวาง โดยที่ว่า ใครจะวางยังไงก็ได้ และพอเพื่อนๆได้ออกมาวางกันครบทุกคนแล้ว เราก็จะให้แบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แล้วให้ออกมาทีละกลุ่ม ให้ออกมาดูว่าเราเห็นเป็นรูปอะไรบ้าง พูดให้ได้มากที่สุด และมาดูว่ากลุ่มไหนเห็นว่าเป็นรูปอะไรบ้างได้มากที่สุด กลุ่มที่พูดได้มากที่สุดเป็นผู้ชนะ

จากการได้เล่นเด็กจะเกิดการเรียนรู้ได้จากการสังเกต ได้ทั้งฝึกการคิดวิเคราะห์จากการจินตนาการที่สร้างสรรค์ เด็กยังได้รู้เกี่ยวกับลักษณะของใบไม้แต่ละชนิด มีความแตกต่างกันอย่างไร

การที่เด็กได้เล่นอย่างนี้ เด็กจะได้เกิดการคิดที่สร้างสรรค์ ได้รู้จักการยอมรับความคิดเห็นของเพื่อนในมุมมองของเพื่อนแต่ละคน ซึงมีความแตกต่างกันออกไป การแบ่งปันความคิดซึ่งกันและกัน
การเล่นในสื่อนี้เหมาะกับเด็กวัย 4 - 5 ปี ขึ้นไป

และเพื่อนก็ได้ออกมานำเสนอสื่อของตัวเอง อาจารย์ได้ให้คำอธิบายของแต่ละสื่อที่เพื่อนได้นำมาเสนอทำให้เราได้รู้ว่ามีสื่อที่หลากหลายมากมาย อยู่ที่เราจะเสนอสื่อออกมายังไง เราต้องคำนึงว่าเราจะนำไปสอนกับเด็กในวัยไหนให้เหมาะสมแก่วัย

. . . ปล.

วันนี้ได้เข้ามาเรียนดิฉันได้รับความสนุกสนานจากการเสนอสื่อของเพื่อนแต่ละคนแต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่หลายอย่าง อาจารย์แนะว่า จะสื่อถึงอะไร สี หรือจำพวกใบไม้ แล้ววิธีเล่นยังไม่ค่อยาชัดเจนเท่าไหร่


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 4

วันพฤหัส ที่ 8 กรกฎาคม 2553


วันนี้ไม่ได้มาเรียนคะ แต่ก็ยังได้ตามงานจากเพื่อน ได้ทราบว่าวันนี้อาจารย์ได้พูดถึงขั้นตอนในการใช้สื่อ
แต่ได้รู้เพียงหัวข้อ ส่วนย่อยดิฉันได้ไปศึกษาเอง จาก blogger ของเพื่อน


วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 3

วันพฤหัสที่ 1 กรกฏาคม 2553


วันนี้อาจารย์เข้ามาก็ได้พูดถึงสื่อการสอน อาจารย์ยังถามว่า สื่อที่เรารู้จักนั้น เรารู้จักสื่ออะไรบ้าง ที่เราอาจจะเคยพบเห็นหรือเคยทำ อย่างไรก็่ตาม ก็มีตอบอยู่ 2-3 คน และอาจารย์ได้อธิบายว่า ก็จะมีสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ จากการ์ตูนย์ หนังสือ ฯลฯ ยังให้ความหมายของสื่อการเรียนการสอน ไว้ว่าสื่อการเรียนการสอนนั้นถือได้ว่าเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดถึงองค์ความรู้และทักษะประสบการณ์ต่าง ๆ ว่าเราจะถ่ายทอดออกมายังไง ในรูปแบบใด ใครเป็นผู้ถ่ายทอด ซึ่งครูจึงมีหน้าที่ที่จะวางแผน แทรกในเนื้อหาของหลักสูตรไปด้วย อาจารย์ได้พูดถึงคุณค่าของสื่อการเรียนการสอนว่าผู้เรียนจะต้องเข้าใจในบทเรียน และยังส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม เข้าใจในเนื้อหาที่เรียน อาจารย์ยังได้พูดถึงหลักการในการเลือกสื่อ ซึงมีหลักการไว้ว่า เราควรเลือกสื่อที่สัมพันธ์กับมาตรฐานการเรียนรู้ของเด็ก ว่าเหมาะกับวัย และต้องคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้เรียน ว่ามีความปลอดภัย ราคาต้องประหยัดให้มากเท่าที่จะทำได้ ถ้าเราไปอยู่ในที่ที่ไกลหาซื้อสิ่งของได้ยากในการมาทำสื่อ เราต้องสร้างสื่อให้เด็กได้เล่น และถ้าเราไม่มีอุปกรณ์คนเป็นครูก็ต้องหาวิธีในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และอาจารย์ก็ถามถึง blogger ว่าทำได้ไหม ได้คืบหน้าไปถึงไหน บางคนก็เริ่มที่จะทำบ้างแล้ว แต่บางคนก็ยังไม่ได้ทำ และพูดอีกว่า คนที่ยังไม่ทำก็ให้เริ่มทำได้แล้ว อย่าปล่อยนานไป

วันนี้ได้แง่คิดของความเป็นครูว่า ถึงครูจะลำบากเพียงไหน ก็ต้องนึกถึงเด็กเป็นอย่างแรก เพราะเด็กเป็นอนาคตของชาติ





บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 2

วันพฤหัสที่ 24 มิถุนายน 2553

วันนี้อาจารย์เข้ามา อาจารย์ได้พูดถึงการทำบล็อก ว่าการทำบล็อกนั้นมีประโยชน์ยังไง มันมีประโยชน์มากเลย
ถ้าเราได้ทำบล็อกจะสะดวกต่อการค้นหาข้อมูล ซึ่งการทำบล็อกนั้นไม่ยาก แถมรูปแบบการทำบล็อกยังใส่เนื้อหาความรู้ต่างๆ ได้ และเรายังสามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสารได้ตลอดเวลา คล้ายๆกับว่าเราอ่านหนังสือ แต่เราเปลี่ยนให้ตัวหนังสือมาอยู่อีกที่หนึ่ง เราสามารถจัดเก็บข้อมูลนี้ไว้ได้นานกว่า และเรายังสามารถเพิ่มเติมได้ และอาจารย์ยังได้พูดถึงการขี่จักรยาน อาจารย์ได้ยกตัวอย่างการขี่จักรยานให้เราได้ลองนึกคิดว่า การขี่จักรยานนั้นก็เหมือนคนเรานี่เอง การที่เราจะขี่จักรยานได้ เราต้องมีความพยายาม ต้องล้มต้องลุก บาดเจ็บบ้าง อาจจะหลายต่อหลายครั้ง พออาจารย์ได้พูดเรื่องขี่จักรยานทำให้ ดิฉันนึกคิดถึงตอนที่ดิฉันเริ่มขี่จักรยานครั้งแรก ทั้งเจ็บตัว ทั้งมันมากเมื่อเราปั่นจักรยานได้ แต่ยังไงก็คุ้มมากกับความสำเร็จ จักรยานก็เหมือนคนเรานี่แหละ วันๆเราจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย เราต้องมีความอดทน ขยันฝึกฝนในการทำงาน สิ่งที่เราได้รับคือประสบการณ์ ยิ่งเรามีประสบการณ์มากเพียงไหนยิ่งทำให้เราเชี่ยวชาญและประสบความสัมเร็จในภายข้างหน้าได้ และอาจารย์ยังได้พูดถึง สื่อว่าเราต้องจำเป็นไหมที่ต้องมีสื่อ เพราะเดี๋ยวนี้สื่อทางเทคโนโลยีก็มีการพัฒนาที่ทันสมัยขึ้น เราจึงสามารถสืบค้นข้อมูลข่าวสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งครูผู้สอนก็ต้องมีความก้าวหน้า ครูก็ต้องพัฒนาตามเพื่อจะให้ได้ทันโลกแห่งเทคโนโลยี เพื่อที่จะนำไปพัฒนาการ การเรียนการสอน ให้ดียิ่งขึ้นให้รับกับยุคเทคโนโลยี

การสอนวันนี้ให้แง่คิดได้มากเพียงไหน ทำให้ฉันนึกถึงแง่คิดว่าคนเราต้องมีความพยายาม จึงจะพบกับผลสำเร็จที่รอเราอยู่ข้างหน้า

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 1

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 1 วันพฤหัสบดี ที่ 17 มิถุนายน 2553

วันนี้เป็นวันแรกเลยของการเข้าเรียน อาจารย์เข้ามา เดินยิ้มมาแต่หน้าประตู อาจารย์คนนี้ดิฉันคิดว่าท่านต้องใจดีมาก และก็เป็นอย่างที่คิด แถมเรียนแล้วสนุกด้วย ไม่เครียด ครั้งแรกของการเรียน อาจารย์ได้บอกเรื่องระเบียบในการเข้าเรียน การแต่งกายอย่างสุภาพ เรียบร้อย ข้อตกลงในการเรียน อาจารย์บอกว่าถ้าขาดเรียนแต่ถ้าเราตามงานตลอดก็ไม่เป็นไร และอาจารย์อยากรู้ว่านักศึกษาแต่ล่ะคนมาจากที่ไหน จบจากโรงเรียนอะไร จึงได้แจกกระดาษให้คนล่ะแผ่น ให้เขียนจุดที่เราคิดว่าเป็นจุดเด่นของตัวเรา เอาที่ว่าพูดแล้วคนอื่นสามารถทายได้ว่าเป็นใคร มา 3 อย่าง ถ้าคนไหนถูกทายก็ต้องพูดว่าเราจบมาจากที่ไหน จากจังหวัดอะไร หลังจากที่พูดกันเสดอาจารย์ก็ได้สอนวิธีการทำ blogger และให้เราไปลองทำดู ของแต่ล่ะคน และอธิบาย เกียวกับ blogger ว่าเป็นการบันทึกการเข้าเรียนของแต่ล่ะครั้ง เพื่อนนำเสนอผลงาน อัฟเดทขึ้นไป แล้วอาจารย์ก็สั่งให้เรากลับไปบันทึกการเข้าเรียนของแต่ล่ะครั้ง